วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

สร้าง Gmail

การสร้าง Gmail

1 เข้าเว็บ http://www.google.co.th/ คลิกที่ Gmail

2 คลิกที่สร้างบัญชี เพื่อสร้าง Gmail

3 กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จให้คลิกที่ฉันยอมรับโปรดสร้างบัญชีของฉัน

4 เราก็สร้าง Gmail เสร็จเรียบร้อย





วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

เทพีเสรีภาพ

ชื่อสถานที่ อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ: Statue of Liberty
สถานที่ตั้ง นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ รูปสแตทิวออฟลิเบอร์ตี้ เป็นอนุสาวรีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ "เสรีภาพ" ของคนอเมริกัน เป็นรูปสตรียืนสูงเด่นอยู่บนแท่นทรงสี่เหลี่ยมสูงที่ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 3 ชั้นรองรับกลมกลืนอย่างดี ลดหลั่นกันลงไปอยู่เบื้องล่าง ตัวเทพีสูง 152 ฟุต แขนแต่ละข้างยาว 42 ฟุต นิ้วชี้ยาว 8 ฟุต เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว ยืนอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูง 150 ฟุต ส่วนที่เป็นลำตัวทำด้วยทองแดงสีเขียวเทอร์คอยส์ ห่มผ้าครุยกรอมเท้า ที่ศรีษะสวมมงกุฏเป็นรัศมีเจ็ดแฉก มือขวาถือโคมไฟชูสูงขึ้นสุดแขน มือซ้ายประคองหนังสือที่ปกเขียนว่า "4 กรกฏาคม 1776" อันเป็นวันประกาศอิสรภาพของอเมริกา ไม่ขึ้นต่ออังกฤษอีกต่อไปและถือเป็นวันชาติอเมริกันมาจนทุกวันนี้
ด้านในตัวเทพีโปร่งเป็นโครงเหล็กที่ออกแบบและคำนวณโดยนายกุสตาฟไอเฟล วิศวกรชื่อดัง (ผู้สร้างหอไอเฟล) โดยแยกเป็นชิ้นส่วนบรรจุในลังทั้งหมดถึง 214 ลัง เมื่อนำมาต่อเป็นรูปร่างแล้วสูงถึง 302 ฟุต (วัดจากปลายคบไฟถึงปลายเท้า) ใช้แผ่นโลหะทองแดงในการหล่อ 32 ตัน รมสีเขียวทั้งตัวเทพี ด้านบนส่วนคบไฟติดตั้งระบบแสงไฟฟ้าสีเขียว 13,250 วัตต์ มีบันไดเวียนให้ผู้เข้าชมขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนส่วนที่เป็นมงกุฎของเทพี สิ้นค่าใช้จ่าย 700,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14,000,000 บาท
ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ขนาดเนื้อที่แค่ 12 เอเคอร์ (ราว ๆ 30 ไร่) ทำทางเดินขนาดใหญ่เข้าสู่ทางด้านหลังของอนุสาวรีย์ แล้วมีทางเดินรอบเลาะริมน้ำให้ชมได้ทุกมุมนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ถึงมงกุฏ หรือ ขึ้นถึงแค่ฐานสี่เหลี่ยมต่ำกว่าเท้าขององค์อนุสาวรีย์

ความเป็นมาของเทพีเสรีภาพ

สัญลักษณ์แห่งความอิสระแก่ชนอเมริกันและชาวโลก ของขวัญอันยิ่งใหญ่จากชาวฝรั่งเศส
เมื่อ ค.ศ. 1865 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้มีนักวิชาการหัวก้าวหน้า และกลุ่มหนุ่มไฟแรงไปพบปะสนทนาด้วยเรื่องการบ้านการเมืองที่บ้านนายเอดู อาร์ต เดอลา บูลาเยอ ถึงการปกครองที่ไม่ได้รับความเป็นเสรีภาพเสมอภาค จากองค์จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และพวกเขากลับไปชื่นชมชาวอเมริกันที่มีความหาญกล้า ลุกฮือกันต่อสู้กับอังกฤษจนสามารถปลดแอกออกจากอังกฤษได้สำเร็จ จากสถานการณ์และความรู้สึกนี้เองทำให้พวกเขาเกิดจุดประกายความคิดที่จะสร้างงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง ให้เป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกันซึ่งจะมีงานเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกาครบ 100 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1876 ที่จะมาถึง โดยร่วมกันรณรงค์หาเงินทุน ในการสร้างจากประชาชนฝรั่งเศสทั่วประเทศ

ในที่สุดเขาเหล่านั้นก็มอบให้ เฟรเดริก ออกุสต์บาร์โธลดีศิลปินมีชื่อในการปั้นเป็นผู้ออกแบบ โดยลงมติว่าของขวัญจะเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ คือรูปผู้หญิงแต่งกายชุดเสื้อคลุม เหมือนชาวโรมันสวมมงกุฎมีลักษณะเป็นรูปเดือยแหลมพุ่งออกมา 7 แฉก สื่อความหมายถึง 7 ทวีป และ 7 คาบมหาสมุทรในท่ายืนชูคบไฟ ด้วยมือขวาคือเป็นผู้ให้แสงสว่างแก่เสรีภาพมือซ้ายถือแผ่นจารึกประกาศอิสรภาพ จารึกอักษร 4 JULY 1876 เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนที่ขาดสะบั้นแทนความหลุดพ้นจากการเป็นทาส ตัวเทพีหล่อด้วยโลหะทองแดง การดำเนินสร้างส่วนฐานติดตั้งตัวเทพี เป็นภารกิจของชนชาวมะกันที่ร่วมกันระดมทุนสร้างเป็นตึกสูง 87 ฟุต ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวมะกัน ริชาร์ด มอร์ริส ฮันท์ ภายในตัวตึกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติการสร้างอนุสาวรีย์ และการสร้างชาติสหรัฐอเมริกา พิธีเปิดเป็นทางการโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โกรฟเวอร์ คลีฟ-แลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม 1886 ท่ามกลางความปีติ ของชาวอเมริกันและชาวฝรั่งเศสในยุคนั้นเป็นอย่างยิ่ง

มีเรื่องเป็นทางการว่า “อนุสาวรีย์แด่อิสรภาพของอเมริกัน : เสรีภาพส่องแสงสว่างแก่ชาวโลก” (MONUMENT TO AMERICAN INDEPENDENT : LIBERTY ENLIGHTENING THE WORLD) ในวันที่ 4 กรกฎาคมของทุก ๆ ปี ชาวอเมริกันจะจัดเฉลิมฉลองวันชาติของตน ณ บริเวณอนุสาวรีย์เทพีสันติภาพแห่งนี้ด้วยความภูมิใจในความเป็นชาติมหาอำนาจ และประเทศผู้นำระบอบการปกครองประชาธิปไตยของโลกอย่างเต็มความภาคภูมิ
ข้อมูลในการสร้าง
บนแท่นทรงสี่เหลี่ยมบนฐานกว้าง 3 ชั้น
สูง 152 ฟุต
แขนยาว 42 ฟุต
นิ้วชี้ยาว 8 ฟุต
เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว
โครงเหล็กแยกเป็นชิ้นส่วนรวม 214 ลัง
ส่งจากฝรั่งเศสนำมาต่อเป็นรูปร่างสูง 302 ฟุต (วัดจากปลายคบไฟถึงปลายเท้า)
ใช้แผ่นโลหะทองแดงหรือสำริดรวม 32 ตัน
ส่วนคบไฟติดตั้งระบบแสงไฟฟ้าขนาด 13,250 วัตต์
มีบันไดเวียนไปถึงที่เป็นมงกุฎของเทพีรวมทั้งสิ้น 162 ขั้น
รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 650,000 ดอลลาร์
งบบูรณะครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 1981 เพื่อจัดฉลอง 100 ปีเทพีเสรีภาพ งบบูรณะในปี 1986 ใช้ไป 86 ล้านดอลลาร์ จากที่ระดมทุนมาได้ 265 ล้านดอลลาร์

ท่านสามารถดาวน์โหลดข้อมูลในรูปแบบ Microsoft Word ได้ที่นี่
สามารถดาวน์โหลดแผนที่ได้ที่นี่

เที่ยวน้ำตก

น้ำตกตาดโตน
อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตาดโตน
ฤดูกาลท่องเที่ยว... ฤดูฝน ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน น้ำตกตาดโตน จะมีน้ำไหลเต็มที่และสวยงาม
ข้อมูลเพิ่มเติม น้ำตกตาดโตน " จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของอุทยานแห่งชาติตาดโตน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชัยภูมิ ห่างจากตัวจังหวัดชัยภูมิไปทางทิศเหนือ 21 กิโลเมตร มีทางลาดยางตลอดถึงน้ำตก ด้านบนน้ำตกมีสภาพเป็นลานหินกว้างประมาณ 50 เมตร และยาวไปตามลำน้ำ ประมาณ 300 เมตร ทำให้น้ำไหลลาดมาตามลานหิน มีแอ่งน้ำที่สามารถเล่นน้ำได้เป็นจุดๆ และไหลลงมาตกที่หน้าผาเป็นน้ำตกตาดโตนที่มีความสูงประมาณ 6 เมตร และกว้าง 50 เมตร ในฤดูฝน ( ประมาณเดือนมิถุนายน - กันยายน ) น้ำตกจะมีน้ำเต็มหน้าผา นักท่องเที่ยวจะนิยมไปลงเล่นน้ำ เพราะน้ำไม่ลึกและปลอดภัย ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตาดโตน จะอยู่ใกล้กับบริเวณน้ำตกตาดโตนนี้





น้ำตกปลาบ่า
น้ำตกปลาบ่า อ. ภูเรือ จ. เลย น้ำตกปลาบ่า หรือน้ำตกตาดสาน อยู่ที่หมู่ 1 บ้านปลาบ่า ตำบลปลาบ่า
เป็นน้ำตกที่ตกมาจากแผ่นหินขนาดใหญ่ลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างเหมาะสำหรับเล่นน้ำและนั่งพักผ่อนรับประทานอาหาร การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 203 เส้นภูเรือ-ด่านซ้าย บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 57-58 เลี้ยวซ้ายทางเดียวกับสถานีทดลองเกษตรที่สูง ภูเรือ (บ้านกกโพธิ์) เข้าไปตามทางลาดยาง 7 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านปลาบ่า จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงน้ำตก







น้ำตกไทรโยก
น้ำตกไทรโยค อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติไทรโยค เป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย แยกเป็น 2 แพร่ง ส่วนที่อยู่ทางตอนเหนือเรียกว่า น้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ชั้นเดียว รองรับด้วยชั้นหินสลับกันเป็นชั้นๆ มีความสูงประมาณ 8 เมตร ทางด้านใต้เป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่าเรียกว่า น้ำตกไทรโยคเล็ก สายน้ำที่พุ่งตกลงมากระเซ็นสู่ลำแควน้อย สามารถชมทัศนียภาพของน้ำตกไทรโยคได้โดยการเดินข้ามสะพานแขวนไปยังฝั่งตรงข้ามหรือโดยทางน้ำ ในฤดูหนาวจะสัมผัสบรรยากาศของความหนาวเย็นแห่งสายน้ำและขุนเขา ผ่านน้ำตกมีเสน่ห์ชวนให้หลงไหลยิ่งขึ้น นานมาแล้วที่ชื่อตกไทรโยคอยู่ในความทรงจำของชาวไทย สมัยก่อนถ้าจะไปเที่ยวเมืองกาญจน์นั่นต้องหมายถึง การไปเยือนน้ำตกไทรโยคด้วย แม้จะผ่านกาลเวลามานานและมีการเปิดที่เที่ยวใหม่ๆ แต่สำหรับไทยโยค น้ำตกหินปูนแห่งนี้ก็ไม่เคยเลือนไปจากความรู้สึกมักคุ้นของผู้คนเลยที่ตั้ง : น้ำตกแห่งนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทยโยค ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทยโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานฯ ที่แวดล้อมไปด้วยป่าดงพงไพรที่สมบูรณ์ นอกจากน้ำตกแล้วยังมีถ้ำสวย มีกิจกรรมพายเรือแคนู ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอไทรโยค


น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกเอราวัณ อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตร ติดต่อกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นชั้นๆ ได้ 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ป่าหลายชนิดบนคาคบไม้ สายธารน้ำที่ไหลตกลดหลั่นลงมาบนโขดหินสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เสียงสาดซ่า คลอเคล้าด้วยส่งเสียงเพรียกของนกป่า ทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่เรียกเอาความมีคุณค่าของป่าเขาลำเนาไพรซึมซับเข้าสู่อารมณ์ของผู้ไฝ่ความสันโดษ และรักธรรมชาติโดยแท้จริง ชั้นที่ 7 อันเป็นชั้นบนสุดของน้ำตก เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีรูปคล้าย หัวช้างเอราวัณ จนคนทั่วไปรู้จักและขนานนามว่า น้ำตกเอราวัณ

น้ำตกเอราวัณ : เป็นน้ำตำหินปูน มีลำธารไหลทอดยาว ลงมาจากภูเขาระยะทางที่เกิดเป็นน้ำตกชั้นต่างๆ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร สวยงามทั้ง 7 ชั้น สามารถเดินเที่ยวชมจนถึงชั้นบนสุด ได้อย่างไม่ยากจนเกินไปนัก ชื่อน้ำตกเอราวัณ มาจาก ลักษณะของน้ำตกชั้นที่ 7 ลักษณะสายน้ำไหลบ่า มองดูคล้ายกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อน้ำตก

ที่ตั้ง : น้ำตกเอราวัณตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ภูมิประเทศทั่วไปเป็นภูเขาสูงสลับพื้นที่ราบ และเป็นป่าเบญจพรรณที่ไม่รกชัฏเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์



แหล่งที่มา
http://lifestyle.kingsolder.com/travel/waterfall.asp














วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

สุขภาพน่ารู้

นมจำเป็นอย่างไร
นมมิได้เป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกและเด็กเล็กเท่านั้น ทารกหลังจากหย่านม แม่แล้ว ก็ควรจะดื่มนมต่อไป นมเป็นอาหารที่จัดอยู่ในหมู่เดียวกันกับเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไข่ และถั่วเมล็ดแห้ง อาหารในหมู่นี้จะให้สารอาหารหลักคือ โปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ จำเป็นต่อการสร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและพัฒนาการต่างๆ หลายด้าน การได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพดีจากอาหารประเภทนม เนื้อสัตว์ และไข่ อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายมีการเจริญเติบโตเป็นไปตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนมมีแคลเซียม ในปริมาณมากซึ่งจะช่วยสร้างกระดูกมีผลต่อพัฒนาการด้านความสูงอย่างมาก มีการศึกษาพบว่า การดื่มนมวันละประมาณ 2แก้วร่วมกับการออกกำลังกายประเภทที่มี การยืดตัว เช่น ว่ายน้ำ บาสเกตบอล และโหนบา จะช่วยเพิ่มความสูงได้ พ่อแม่หรือผู้ดูแลหรือแม้แต่วัยรุ่นเองควรให้ความสนใจเรื่องนมเป็นพิเศษ หากใน ช่วงวัยรุ่นไม่ดื่มนมหรือดื่มนมไม่เพียงพออาจทำให้ความสูงไม่เป็นไปตามทีควรจะเป็น ตัวอาจเตี้ย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเล่นกีฬาหรือการประกอบอาชีพบางอย่างในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม การดื่มนมในปริมาณที่มากเกินไป เช่น ดื่มนมวันละลิตรหรือดื่มนมแทนน้ำ ก็อาจมีผลเสียได้ เพราะอาจทำให้ได้พลังงานและไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ดังนั้นนมเป็น อาหารที่มีประโยชน์สำหรับวัยเรียนและวัยรุ่นที่ควรดื่มเป็นประจำ แต่ต้องดื่มใน ปริมาณที่เหมาะสม

โปรตีนสำหรับวัยรุ่น
โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ เพื่อการเจริญเติบโต หรือชดเชยส่วนที่สูญเสียไป เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์และฮอร์โมนทุกชนิด เด็กวัยเรียน และวัยรุ่นเป็นวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงมีความต้องการโปรตีน ที่มีคุณภาพดีในปริมาณมากพอสำหรับการเสริมสร้างการเจริญเติบโต โปรตีนที่ร่างกาย ได้รับจากอาหารจะมีคุณภาพแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบ ของโปรตีน ดังนั้น อาหารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนครบถ้วน จัดเป็นอาหารที่มีโปรตีน สมบูรณ์ ได้แก่ อาหารประเภท เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ และนม อาหารที่มีกรดอะมิโนไม่ครบ ถ้วน จะจัดเป็นอาหารโปรตีนชนิดไม่สมบูรณ์ ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดงและถั่วดำ พืชผักต่างๆ และธัญพืช
ดังนั้น โปรตีนที่ควรบริโภคสำหรับวัยเรียนและวัยรุ่น ก็คือโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ ชนิดต่างๆ ทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากอาหารเหล่านี้ และควรเลือก บริโภคถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้งบ้างเป็นบางมื้อ จะช่วยให้ร่างกาย ได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

ลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย
การมีน้ำหนักเกินมาตรฐานที่ควรจะเป็น เกิดจากความไม่สมดุลของพลังงาน คือ ได้รับพลังงานมากกว่าการใช้พลังงานโดยอาจจะได้รับพลังงานจากอาหารที่กินมากเกินความต้องการ หรือมีการใช้พลังงานน้อยกว่าพลังงานที่กิน เช่น ไม่ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมอยู่กับที่เป็นเวลานาน เช่น ดูโทรทัศน์ และเล่นเกมส์กด เด็กวัยเรียนและวัยรุ่น เป็นวัยที่ยังมีการเจริญเติบโตโดยเฉพาะความสูง การลดน้ำหนักที่ปลอดภัยสำหรับเด็กวัยนี้ คือพยายามรักษาน้ำหนักให้คงที่หรือลดน้ำหนักลงเล็กน้อยสำหรับวัยรุ่นตอนปลายโดยไม่ให้กระทบต่อการเพิ่มความสูงด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอและให้มีพลังงานสมดุลกับกิจกรร เลือกกินเนื้อสัตว์ที่มีมันน้อย เช่น อกไก่ ปลาหลีกเลี่ยงอาหารทอดและผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มีไขมันแฝงในปริมาณมาก เช่น ฮอทดอก หมูยอ กุนเชียง ดื่มนมพร่องมันเนย กินผักและผลไม้รสไม่หวานจัดเพิ่มขึ้น ไม่ควรดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม และไม่กินจุบจิบ โดยเฉพาะขบเคี้ยวที่มีไขมันมากนอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้เด็กมีการเล่นกีฬาหรือ การออกกำลังกายเพิ่มขึ้น สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติในการลดน้ำหนักของเด็กวัยนี้คือการงดหรืออดอาหาร มื้อใดมื้อหนึ่งเพราะอาจทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย การกินอาหารในปริมาณมากตามใจอยากแล้วล้วงคออาเจียน หรือกินยาระบายและการซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักกินเองโดยไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ จะเกิดอันตรายต่อ สุขภาพได้


การวิ่งเพื่อสุขภาพ
การวิ่งเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ส่งผลให้เกิดการรับออกซิเจนของร่างกายดีขึ้น เพราะทำให้หัวใจ หลอดเลือด ปอด กล้ามเนื้อ และอวัยวะอื่น ๆ แข็งแรงนอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้วิ่งคลายความตึงเครียดทางจิตใจ และมีอารมณ์แจ่มใสอุปกรณ์ในการวิ่ง เสื้อกางเกงที่สวมใส่ควรควรทำด้วยวัสดุที่ซับเหงือได้ดี ควรเป็นเสื้อแขนสั้น กางเกงไม่รัด แน่นที่รอบเอว เป้ากางเกงหลวม ร้องเท้าหุ้มส้นพอดีกับขนาดและรูปเท้า พื้นรองเท้าควรหนาและนุ่มสถานที่วิ่ง ควรมีพื้นเรียบไม่เป็นหลุ่มเป็นบ่อ ไม่เอียงและชันมากเกินไปเวลาวิ่ง เลือกเวลาวิ่งที่สะดวกและสามารถทำได้เป็นประจำสม่ำเสมอได้ ควรหลีกเลี่ยงการวิ่งหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ และการวิ่งที่อากาศร้อนจัด การวิ่งทำให้ร่างกายทุกส่วนได้ออกกำลังกาย ในระยะเริ่มต้นควรวิ่งเหยาะ ๆ ก่อน หากรู้สึกเหนื่อยมากควรเปลี่ยนเป็นเดิน เมื่อหายเหนื่อยแล้วจึงวิ่งต่อ เมื่อร่างกายแข็งแรงดีแล้วจึงเพิ่มการวิ่งให้มากขึ้นโดยเพิ่มระยะเวลา หรือระยะทางหรือความเร็วในการวิ่งทีละน้อย

หลักของการวิ่ง
1. ใช้ท่าวิ่งที่เป็นธรรมชาติ ไม่เกร็ง เวลาลงเท้าใช้ส้นเท้าสัมผัสพื้นก่อนจึงวางเท้าเต็ม แล้วยกส้นเท้าขึ้น เข่าไม่ยกสูงมากและไม่เหยียดสุดลำตัว ศรีษะตั้งตรงข้อศอกงอเล็กน้อย และกำมือหลวม ๆ
2. ควรใช้ความเร็วที่รู้สึกเหนื่อยจนต้องหายใจแรง แต่ไม่ถึงกับบต้องหายใจทางปาก หรือมีอาการหอบ เมื่อวิ่ง 4 - 5 นาที ควรมีเหงื่อออก แล้ววิ่งต่อไปได้เกิน 10 นาที ควรวิ่งวันละครั้ง นานครั้งละ 20 - 60 นาที ใน 1 สัปดาห์ควรวิ่งให้ได้อย่างน้อย 3 วัน3. ก่อนและหลังการวิ่งทุกครั้งควรอบอุ่นร่างกาย และผ่อนคลายร่างกายประมาณ 4-5 นาที โดยวิ่งเหยาะ ๆ ด้วยความเร็วที่น้อยกว่าที่ใช้วิ่งจริง และทำกายบริหารเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

อาการที่แสดงว่าควรหยุดวิ่ง
1. เวียนศรีษะ คลื่นไส้ หรือหน้ามืดเป็นลม2. รู้สึกคล้ายหายใจไม่ทัน3. ใจสั่น แน่น เจ็บที่บริเวณหน้าอก4. ลมออกหู หูตึงกว่าปกติ5. การเคลื่อนไหวร่างกายควบคุมไม่ได้ ถ้ามีอาการดังกล่าวขณะวิ่ง ควรชลอความเร็วในการวิ่งลง ถ้ายังมีอาการอยู่ให้เปลี่ยนเป็นเดินหากไม่หายให้หยุดวิ่งหรือนอนราบจนกว่าอาการจะดีขึ้น การวิ่งในวันต่อไปควรลดความเร็วและระยะทางลงถ้าเห็นว่าอาการยังไม่หายให้รีบปรึกษาแพทย์
แหล่งที่มา

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

อาหารไทย ๔ ภาค

อาหารไทย
เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารนานาชนิดมาตั้งแต่ครั้งอดีต ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงบรรยายถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้าน เมืองในสมัยสุโขทัยว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" แม้แต่ชาวต่างชาติที่ เดินทางเข้ามาในสมันอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ต่างก็ได้บรรยายสภาพ บ้านเมืองไว้ตรงกันว่า ไม่มีดินแดนใดในโลกที่จะอุดมสมบูรณ์เท่าประเทศ สยาม อาหารหลักของคนไทยคือข้าว ดังปรากฏเป็นสำนวนว่า "ข้าวปลาอาหาร" นอกจากจะมีข้าวเป็นอาหารหลักสำคัญของคนไทยแล้ว ยังมีอาหารการ กินควบคู่กับข้าว เรียกว่า "กับข้าว" ในสมัยก่อนกับข้าวหาได้จากธรรม ชาติรอบตัวทั้งพืชผักนานาพันธุ์ ผลไม่นานาชนิด เนื้อสัตว์หลากหลาย ประเภท และปลาหลากชนิด รสชาดของอาหารไทย
รสเค็ม
อาหารไทยได้รสเค็มจากน้ำปลาเป็นส่วนใหญ่ การประกอบอาหารไทยเกือบทุกชนิด ถ้าต้องการรสเค็มแล้วจะขาดน้ำปลาไม่ได้เลย สังเกตจากเวลารับประทานอาหาร จะต้องมีถ้วยน้ำปลาเล็ก ๆ รวมอยู่ในสำรับอาหารแต่บางครั้งนอกจากน้ำปลาแล้วยังใช้เกลือหรือซีอิ๊วขาวเป็นตัวปรุงรสอาหารให้เกิดความเค็ม
รสหวาน
การประกอบอาหารไทยรสหวาน โดยทั่วไปในอาหารไทยใช้น้ำตาลทรายในการประกอบอาหารแล้ว ยังมีน้ำตาลอีกหลายชนิด เช่น น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลโตนด น้ำตาลงบ เป็นต้น

รสเปรี้ยว
อาหารไทยนอกจากจะได้จากน้ำส้มสายชู แล้วยังมีมะนาว และที่นำมาใช้ประกอบอาหารกันมาก โดยทีประเทศอื่น ๆ ไม่มีใช้ก็คือ ความเปรี้ยวที่ได้จากน้ำส้มมะขามเปียก น้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า นอกจากนั้นรสเปรี้ยวจากใบมะขามอ่อน ใบมะดัน ใบส้มป่อย มะดัน ซึ่งรสเปรี้ยวจากสิ่งเหล่านี้มีแต่ในอาหารไทย

รสเผ็ด
รสชาติอาหารของประเทศใดก็ไม่เผ็ดร้อนเหมือนอาหารไทย รสเผ็ดที่ได้จากอาหาร มาจากพริกขี้หนู พริกชี้ฟ้าสด เรายังนำมาตากแห้งเป็นพริกแห้ง คั่วแล้วป่นเป็นพริกป่น รสเผ็ดเป็นรสที่อาหารไทยจะขาดไม่ได้ในการประกอบอาหารคาวชนิดที่ต้องมีรสเผ็ด การจะใส่พริกมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการรสของผู้บริโภค

รสมัน
อาหารไทย ได้รสมันจากกะทิและน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ ในการประกอบอาหารไทยโดยเฉพาะอาหารประเภทแกงกับขนมไทย ความมันที่ได้จะมาจากแกงที่ใส่กะทิ เช่น แกงหมูเทโพ แกงเขียวหวาน ขนมชั้น ตะโก้ เป็นต้น ฉะนั้นรสชาติของอาหารไทย จึงมีความกลมกล่อมจากรสชาติต่าง ๆ
อาหารอีสาน
เป็นอาหารที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับวิถีการดำเนินชีวิตของชาวอีสาน ในแต่ละมื้อจะมีอาหารปรุงง่ายๆ 2-3 จาน มีผักเป็นส่วนประกอบหลัก เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่เป็นปลา หรือเนื้อวัวเนื้อควาย อาหารพื้นบ้านอีสานส่วนใหญ่มีรสชาติออกไปทางเผ็ด เค็ม และเปรี้ยว เครื่องปรุงสำคัญที่แทบจะขาดไม่ได้เลย คือ ปลาร้า ชาวอีสานเรียก "ปลาแดก" เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารทุกประเภท อาหารจะมีลักษณะแห้ง ข้น หรือมีน้ำขลุกขลิก ไม่นิยมใส่กะทิ รสชาติอาหารจะเข้มข้นเผ็ดจัด เปรี้ยวจัดรสชาติทางอีสานออกไปทางรสค่อนข้างจัด วัตถุดิบก็จะต่างกันมีการเอาข้าวไปคั่วให้หอมมาผสมเป็นน้ำตกหรือทำลาบ เขาจะใช้ปลาร้าเข้ามามีส่วนร่วมในการปรุงอาหาร ปลาร้ามีรสเค็มและมีกลิ่นหอมเฉพาะ บางทีคนอีสานทำอาหารแต่ขาดปลาร้า อาหารก็จะไม่ใช่ลักษณะของเขา อย่างส้มตำก็ต้องเป็นส้มตำปลาร้า ภาคอีสานบางทีก็คล้ายๆ กับภาคเหนือ สมมติถ้าเขามีปลาก็จะต้มใส่ใบมะขามใส่ตะไคร้ ชาวอีสานนิยมกินข้าวเหนียวเป็นหลัก และมีน้ำปลาร้าปรุงในอาหารแทบทุกชนิด มีศัพท์การปรุงหลายรูปแบบ เช่น ลาบ ก้อย หมก อ่อม แจ่ว จุ๊ ต้มส้ม ซุป เป็นต้น
อาหารภาคกลาง
ภาคกลางเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพืชผักผลไม้นานาชนิด อาหารของภาคกลางมีที่มาทั้งจากอิทธิพลจากต่างประเทศ เช่น เครื่องแกง แกงกะทิ จากชาวฮินดู การผัดโดยใช้กระทะและน้ำมันจากประเทศจีน เป็นอาหารมีการประดิษฐ์ผู้อยู่ในรั้วในวังได้คิดสร้างสรรค์อาหารให้มีความวิจิตรบรรจง อาหารภาคกลางมักจะมีเครื่องเคียงของแนม เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมูหวาน แกงกะทิแนมด้วยปลาเค็ม กุ้งนึ่งหรือปลาดุกย่าง กินกับสะเดาน้ำปลาหวาน รสชาติของอาหารไม่เน้นรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ จะมีรส เค็ม เผ็ด เปรี้ยว หวาน เคล้ากันไปตามชนิดของอาหาร นิยมใช้เครื่องเทศแต่งกลิ่นรส และใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร ยังมี "อาหารชาววัง" ที่มีต้นกำเนิดจากอาหารในราชสำนัก ที่เน้นตกแต่งประณีตและปรุงให้ได้ครบรส ได้แก่ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด นิยมประดิษฐ์อาหารให้สวยงามเลียนแบบรูปทรงต่างๆ ในธรรมชาติ

อาหารเหนือ
อาหารดั้งเดิมของภาคเหนือ มีข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก นิยมใช้พืชตามป่าเขาที่ขึ้นเองตามธรรมชาติมาปรุงอาหาร เนื้อสัตว์ได้จากท้องทุ่งและลำน้ำ อาทิเช่น กบ เขียด อึ่งอ่าง ปู ปลา หอย ไก่ หมู และเนื้อ คนเหนือไม่นิยมใช้น้ำตาล แต่จะใช้ความหวานจากส่วนผสมที่ใช้ทำอาหาร เช่น ความหวานจากผัก ปลา หรือมะเขือส้ม กรรมวิธีการปรุงอาหาร มักจะปรุงให้สุกมากๆ อาหารประเภทผัด หรือต้ม จะปรุงจนกระทั่งผักมีความนุ่ม และมีเครื่องปรุงรสเฉพาะของภูมิภาค เช่น น้ำปู๋ ซึ่งได้จากการเอาปูนาตัวเล็กๆ เอามาโขลก แล้วนำไปเคี่ยว กรองเอาแต่น้ำ ใส่ข่า ตะไคร้ เคี่ยวต่อจนข้น ถั่วเน่าแผ่น ถั่วเหลืองต้มหมักกับเกลือจนนุ่ม นำไปโม่แล้วละเลงเป็นแผ่น ตากแดดให้แห้ง ใช้แทนกะปิ ผักและเครื่องเทศที่ใช้เป็นผักเฉพาะถิ่น ภาคเหนือมีเครื่องเทศของเขา ส่วนใหญ่จะไม่ใช้กะปิเขาจะใช้เป็นถั่วเน่าแทน…จะมีอาหารเฉพาะหลายอย่าง เช่น ข้าวซอย น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู เป็นลักษณะเด่นของอาหารทางภาคเหนือ แต่เขาก็ยังจะมีพวกปิ้งย่างอย่างพวกหมูเขาก็จะหมักแล้วห่อใบตองปิ้งย่าง

อาหารภาคใต้
อาหารหลักของคนภาคใต้คือ อาหารทะเล และกลิ่นคาวโดยธรรมชาติของปลา หรืออาหารทะเลอื่นๆ ทำให้อาหารของภาคใต้ต้องใช้เครื่องเทศโดยเฉพาะ เช่น ขมิ้น เป็นสิ่งที่แทบจะขาดไม่ได้เพราะช่วยในการดับกลิ่นคาว อาหารภาคใต้จึงมักมีสีออกเหลือง เช่น แกงไตปลา แกงส้ม แกงพริก ปลาทอด ไก่ทอด ซึ่งมีขมิ้นเป็นส่วนผสมทั้งสิ้น และมองในอีกด้านหนึ่ง อาหารส่วนใหญ่มีรสชาติเผ็ดจัด และนิยมใส่เครื่องเทศมาก อาหารส่วนใหญ่เป็นพวก กุ้ง หอย ปู ปลา จะเน้นเครื่องเทศเป็นสำคัญ อาหารภาคใต้จะไม่เน้นรสหวานจะเป็นรสจัด เค็มจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด และเน้นใส่ขมิ้นในอาหารทุกชนิด เครื่องปรุงของเขาเน้นกะปิ ส่วนที่ปรุงรสเปรี้ยวจะไม่ค่อยใช้มะนาว จะใช้เครื่องเทศของเขา

ตัวอย่างอาหารภาคอีสาน
ตัวอย่างอาหารภาคกลาง
ตัวอย่างอาหารเหนือ
ขนมจีนน้ำเงี้ยวhttp://student.swu.ac.th/sc481010115/nomjean.htm
ตัวอย่างอาหารภาคใต้

แหล่งที่มา























วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552

Gong yoo

foodtech19

kookkik

เพื่อนกัน1009

ouywai

sugar glider ^0^...จิงโจ้บิน

I..^_^...AM.^_^....oooo_WiLaiWaN_oooo

เด็กรัฐศาสตร์

sunisa kulak

pattanun21

puilouisenaluk

OhMoChang

Emptynoonza

thitima ketkaew

Netnapa

Wongsakorn

อรรครินทร์

ajitti

piyaporn80

ann-chelseaict

mydear3133

nutthagon

paweena

jirapron999

Malivan

Yongyut47

Rungringnu1045

Nu-Karn

Sukanya

Kukkik0924

I-am-araya

Sarawut

The best

Toonny

Somrong

fon

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกนะคะ THANKS

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

เกี่ยวกับฉัน




ชื่อ นางสาวพนิดา โพธิ์สนธ์
ชื่อเล่น กิ๊ก
คณะ เทคโนโลยี
สาขา เทคโนโลยีการอาหารและโภชนาการ
รหัส 50010810062
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เกิด 3 กรกฎษคม 2531
จบจาก โรงเรียนโซ่พิสัยพิทยาคม จังหวัดหนองคาย
ดอกไม้ที่ชอบ ดอกกุหลาบสีขาว
ดาราในดวงใจ Gong yoo
เกลียดการรอคอยมากที่สุด
คติ ความพยามครั้งที่ 100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ



ชีวิตคน กับ สิ่งตรงกันข้าม...

บอกกับตัวเองว่าจะเลิกทำบางอย่าง ... ... แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเลิกได้อย่างที่พูด
เคยคิดจะไว้ผมยาว อยากให้ยาวถึงกลางหลัง ... ... แต่ยาวไม่เท่าไหร่ก็ตัด เพราะรำคาญ
เคยคิดวางแผนจะทำโน่นทำนี่ให้กับชีวิตตัวเอง ... ... แต่ก็ไม่เคยทำได้ซักครั้ง
ชอบใครคนหนึ่ง รู้ว่ามาเป็นแฟนกันไม่ได้ ... ... แต่บางครั้งก็ยังแอบหวังอยู่เล็กน้อย
เหมือนจะรู้จักตัวเองดีกว่าใครๆ ... ... แต่บางครั้งต้องถามคนอื่นว่าเราเป็นยังไง
เหมือนจะเป็นตัวของตัวเองมาก ... ... แต่ที่จริงทุกสิ่งไม่ใช่เรา
รำคาญคนบางคน ... ... ทั้งที่เขาดีกับเราจะตาย
แซวเล่นว่ารู้เยอะ ... ... หาว่าเราว่าเขา ส.ใส่เกือก
เหมือนจะรู้ใจ เข้าใจ ... ... แต่บางครั้งเหมือนไม่เป็นอย่างนั้น
อยากสวย ... ... ทำไมมันไม่สวย (ก็ไอ้กระจกเฮงซวย ส่องแล้วไม่สวยแบบเนี้ย)
บางครั้งอยากรอ ... ... แต่ก็ไม่อยากให้นานนัก
อยากบอกให้รู้ว่าคิดยังไง ... ... ก็ได้แต่เก็บไว้ข้างในไม่กล้าบอก
อยากทำอะไรดีๆให้ใครซักคน ... ... แต่เขาไม่อยู่ให้เราได้ทำอะไรให้แล้ว
อยากย้อนเวลากลับไปทำสิ่งดีๆ ... ... แต่เราไม่มีเครื่องย้อนเวลา
อยากได้ A ... ... แต่ขี้เกียจอ่านหนังสือ
อยากวางความเกลียด ... ... แต่พอเห็นมันแล้ววางไม่ลง
อยากเป็นคนที่ใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็คิดถึง ... ... แต่ดันทำตัวให้คนอื่นเกลียด
ร้องขอความเห็นใจ ความรัก ความเอาใจใส่ ... ... แต่ไม่เคยดูว่าคนอื่นเขามีให้รึเปล่า
มีความรักให้คนอื่นเสมอ ... ... แต่ไม่เคยรักตัวเอง บอกว่าอย่าบอกใคร ...
... แต่ก็บอกเองทุกที คนอื่นๆ เขาคงรู้กันหมดละมั้ง .... มันเกิดขึ้นเรื่อยๆ และเกิดต่อไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุด ....











'

ปฏิทิน

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

งานชิ้นที่ 2



1.1 เว๊บบอกเวลาทั่วโลก : http://www.abpstainless.com/php/etc_files/world_clock_thai.php


1.2 เทพีเสรีภาพ http://maps.google.com/maps?f=q&source=s_q&hl=th&geocode=&q=%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E&sll=40.344736,116.002384&sspn=0.001926,0.003433&ie=UTF8&ll=40.689335,-74.044601&spn=0.001916,0.003433&t=h&z=18


1.3 เว๊บบบอกอุณหภูมิ : http://www.worldweather.org/

วัดถ้ำเพียงดิน (เมืองพญานาค)

วัดถ้ำเพียงดิน (เมืองพญานาค)ต่อ

บ้านสีกาย

วัดโพธิ์ชัยและวัดแก้วกู่

ตลาดอินโดจีน

หาดจอมมณี